การทดสอบแรงดัดงอ (Bending
test)
การทดสอบแรงดัดงอคืออะไร
การทดสอบแรงดัดงอเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับการทดสอบแบบอัตราเร็วคงที่
ซึ่งนิยมใช้ในการทดสอบพลาสติก
และมักใช้เป็นวิธีประมาณค่าความต้านทานแรง ดึงของวัสดุ
เนื่องจากวิธีนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาซึ่งเกิดจากการเยื่องศูนย์ระหว่างชิ้นงานและเครื่องทดสอบเหมือนการทดสอบแรงดึง
นอกจากนี้การกระจายตัวของแนวแรงยังถูกจำกัดอยู่แต่ในบริเวณที่จะเสียหายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาพของแรงที่เกิดขึ้นทั้งสองประเภทนี้แตกต่างกัน
ในการทดสอบแรงดึงนั้น
ชิ้นทดสอบจะได้รับแรงที่เท่ากันตลอดพื้นที่หน้าตัด (unifrom
tension) แต่ในการทดสอบแรงดัดงอ
ชิ้นทดสอบจะได้รับแรงที่ไม่สม่ำเสมอตลอดพื้นที่หน้าตัด
เนื่องจากในสภาวะที่ชิ้นงานถูกดัดงอนั้น
ชิ้นงานทดสอบจะได้รับแรงสูงสุดบนผิว
ผิวหนึ่งและได้รับแรงอัดบนผิวตรงกันข้าม
โดยทั่วไปแล้วการทดสอบนี้เหมาะสำหรับการทดสอบพลาสติกที่มีลักษณะแข็งเปราะ
แต่ไม่เหมาะสำหรับพลาสติกอ่อนที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายใต
้แรงดัดได้มาก
เนื่องจากสมการที่ใช้ในการคำนวณของสภาพการดัดงอนี้จะถูกต้องในกรณีที่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัสดุในระดับต่ำ
วัสดุแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียดแบบเชิงเส้น
และอยู่ภายใต้แรงดัดงอล้วนๆเท่านั้น
ดังนั้นโดยทั่วไปมักจะไม่ใช้ทดสอบที่ ระดับความเครียดเกิน 5%
ภาพที่ 1 : หลักการทดสอบแรงดัดงอ
โดยทั่วไป การทดสอบการดัดงอแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
ได้แก่การดัดงอแบบ 3 จุด (three-pointed bending)และการทดสอบแบบ
4 จุด (four-pointed bending)
การทดสอบการดัดงอแบบ 3 จุด
การทดสอบแบบนี้เป็นการให้แรงกระทำที่จุดกึ่งกลางของชิ้นงานทดสอบและจุดรับรองในทิศทางตรงกันข้ามบริเวณปลายทั้งสองด้านที่มีระยะห่างจากจุด กึ่งกลางเท่ากัน
เหมาะสำหรับการทดสอบพลาสติกที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ต่ำ
หัวกดที่ใช้ให้แรงกระทำและชุดรองรับมีลักษณะเป็นใบมีดมน (round
knike edges) หรือเพลาโลหะแข็งก็ได้ รัศมีของหัวกด
และชุดให้แรงกระทำต้องมีรัศมีอย่างต่ำ 3.2 มิลลิเมตร และ
มีรัศมีสูงสุดไม่เกิน 4 เท่าของความหนาชิ้นงานทดสอบสำหรับ หัวกด
และ 1.5 เท่าของความหนาชิ้นทดสอบสำหรับชุดรองรับ
การที่ชุดกดและชุดรองรับต้องมีลักษณะเป็นผิวโค้งที่จุดสัมผัสดังกล่าวเพื่อเป็นการลดความเข้ม ของความเค้น
(stress concentration) ที่อาจเกิดขึ้นบริเวณจุดสัมผัสดังกล่าว
และอาจทำให้ชิ้นงานเกิดการแตกหักบริเวณจุดสัมผัสนั้น
นอกจากนี้ระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสองสามารถกำหนดได้จากอัตราส่วนของระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสองกับความหนาของชิ้นทดสอบโดยมีค่า ได้ระหว่าง
16:1 ถึง 60:1
ภาพที่ 2 : การทดสอบการดัดงอแบบ 3 จุด
ตารางที่ 1 สูตรการคำนวณในการทดสอบแรงดัดงอแบบ 3 จุด
โดยที่
F คือ แรงกระทำ
L คือ
ระยะห่างระหว่างจุดรองรับที่ปลายทั้งสองด้าน (span length)
h
คือ ความหนา
B คือ ความกว้าง
Y คือ
ระยะการดัดงอของชิ้นงาน
D คือ
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงกระบอกต้น
ดังนั้น อัตราส่วนระหว่าง FและY
ในวงเล็บจะเท่ากับความชันในช่วงแรกของกราฟ
ที่ความสัมพันธ์ระหว่างแรงและระยะการดัดงอของชิ้นงานในช่วงแรกที่ กราฟยังเป็นเส้นตรง
การดัดงอแบบ 4 จุด
การทดสอบแบบนี้เป็นการให้แรงกระทำที่2จุดในบริเวณกึ่งกลางของชิ้นทดสอบและจุดรองรับในทิศทางตรงกันข้ามบริเวณปลายทั้งสองด้านที่มี ระยะห่างจากจุดกึ่งกลางเท่ากัน
เหมาะสำหรับการทดสอบวัสดุที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างสูงกว่าในกรณีของการทดสอบการดัดงอแบบ
3 จุด
หัวกดที่ให้ภาระและชุดรองรับมีลักษณะเป็นใบมีดมนหรือเพลาโลหะแข็งเช่นเดียวกับการทดสอบแบบ
3 จุด
แต่รัศมีของหัวกดและชุดให้ภาระจะมีค่าเท่ากันโดยจะต้องมีรัศมีอย่างต่ำ
3.2 มิลลิเมตร และมีรัศมีสูงสุดไม่เกิน 1.5
เท่าของความหนาของชิ้นงานทดสอบ
ระยะห่างระหว่างชุดกดและชุดรองรับในการทดสอบสามารถแบ่งได้เป็น 2
ประเภทคือ แบบ 1/3 และแบบ 1/4 การจัดระยะ 1/3 หมายถึง
ระยะห่างระหว่างจุดรองรับ-จุดกดและระหว่างจุดกดทั้งสองมีค่าเท่ากันคือ
1/3 ของระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสอง ในขณะที่การจัดระยะแบบ
1/4 หมายถึงระยะห่างระหว่างจุดรองรับและ จุดกดมีค่าเท่ากับ 1/4
ของระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสอง
ในขณะที่ระยะห่างระหว่างจุดกดทั้งสองเท่ากับ 2/4
เท่าของระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสอง
ทั้งนี้ระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสองหรือระยะสแปนสามารถกำหนดได้โดยจากอัตราส่วนของระยะห่างระหว่างจุดรองรับทั้งสองกับความหนาของชิ้น งานทดสอบโดยมีค่าได้ระหว่าง
16 : 1 ถึง 60 : 1
ภาพที่3 : การทดสอบการดัดงอแบบ 4 จุด
ตารางที่ 2 สูตรการคำนวณในการทดสอบแรงดัดงอแบบ 4 จุด
โดยที่
F คือ แรงกระทำ
L คือ
ระยะห่างระหว่างจุดรองรับที่ปลายทั้งสองด้าน (span length)
h
คือ ความหนา
B คือ ความกว้าง
Y คือ
ระยะการดัดงอของชิ้นงาน
D คือ
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงกระบอกต้น
ลักษณะชิ้นงานสำหรับการทดสอบการดัดงอทั้งแบบ 3 จุดและ 4
จุดนั้นจะอยู่ในลักษณะของคาน
โดยอาจจะมีพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปวงกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ในการเตรียมชิ้นงานนั้น
ชิ้นงานที่ได้จะต้องมีขนาดตรงตามที่กำหนดไว้
พื้นผิวจะต้องมีความขนานและไม่มีจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเตรียมชิ้นงานทดสอบ
นอกจากนี้สำหรับวัสดุบางประเภท เช่นเซรามิก
บริเวณขอบของชิ้นงานอาจจะมีการทำให้มนโค้งหรือปาดทำมุม (chamfer)
เพื่อลดความเข้มของความเค้นในบริเวณดังกล่าว
ชิ้นงานในการทดสอบแรงดัดงอจะไม่ถูกจับยึดแต่อย่างใด
แต่จะถูกวางอยู่ตรงกลางบนแท่นรองรับระหว่างจะรับแรงสองจุด
จากนั้นชิ้นงานจะถูกกดด้วยแท่นกดจากด้านบนซึ่งจะมีจำนวนจุดรองรับแรงกดขึ้นอยู่กับลักษณะของการทดสอบ
โดยจุดรองรับในการส่งผ่านแรงกดชิ้นงานทุกจุดจะต้องมีความโค้งมนเพื่อลดความเข้มความเค้นในบริเวณนั้น
ซึ่งอาจจะส่งผลให้ชิ้นงานทดสอบเกิดการแตกหักในบริเวณจุดกดนั้นได้
นอกจากนี้จุดรับแรงกดทั้งหมดสามารถที่จะเป็นแบบยึดติดโดยไม่สามารถหมุนได้
หรืออาจจะมีลักษณะที่หมุนตัวได้บ้างเพื่อที่จะลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นงานทดสอบและจุดรองรับ
ซึ่งจะมีผลต่อผลการทดสอบได้
ภาพที่ 4 :
ลักษณะรูปร่างของชิ้นทดสอบแรงดัดงอ
ภาพที่ 5 :
ลักษณะของอุปกรณ์จับยึดสำหรับการดัดงอแบบ 4 จุด
ที่มา : การทดสอบสมบัติทางกลของพลาสติก โดย ดร.จินตมัย
สุวรรณประทีป จัดพิมพ์โดย สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ส.ส.ท.)
2547
|